Google

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2550

คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

1. ความหมายของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
ปัจจุบันมีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องระหว่างคอมพิวเตอร์และการศึกษาคือ "คอมพิวเตอร์ศึกษา" (Computer Education) หมายถึง

การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์ เช่น การเขียนภาษาโปรแกรมต่าง ๆ การผลิต การใช้ การบำรุงรักษา
เครื่องคอมพิวเตอร์ (Hardware) และซอฟแวร์ (Software) รวมถึงการศึกษาวิธีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อกิจการด้านต่าง ๆ
สรุปแล้วการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา คือ การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในกิจการด้านการศึกษา ประกอบด้วยงานหลัก 4 ระบบ
1. คอมพิวเตอร์เพื่อบริหารการศึกษา (Computer for Education Administration) เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหารงานด้านต่าง ๆ เช่น การบริหารงานด้านการศึกษาประกอบด้วยครู ผู้เรียน และเจ้าหน้าที่บุคลากรที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เป็นต้น
2. คอมพิวเตอร์เพื่อบริการการศึกษา (Computer for Education Service) หมายถึง การบริการการศึกษา ด้านต่าง ๆ เช่น การบริการสารสนเทศการศึกษา
3. คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน (Computer Assisted Instruction) หมายถึง การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในกิจกรรมการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาต่างๆ
4. การรู้คอมพิวเตอร์ (Computer Literacy) เป็นการศึกษา การสอน/การฝึกอบรมเกี่ยวกับความรู้ความสามารถ และทักษะการใช้คอมพิวเตอร์โดนตรงรวมทั้งการประยุกต์ใช้ และเจตคติต่อคอมพิวเตอร์และ ICT

ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ


2. วัตถุประสงค์ของการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
ในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการศึกษาโดยทั่วไปมี 3 ลักษณะคือ
1.ใช้เพื่อทบทวนบทเรียน
2.ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียน
3.ใช้เป็นเครื่องมือฝึก
ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ


3. ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
ส่วนประกอบทั่วไปของคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
1. หน่วยรับข้อมูล input Unit เป็นส่วนที่ทำหน้าที่รับข้อมูลเข้าสู่หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)
เพื่อทำการประมวลต่อไป
2. หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU (Central Processing Unit) ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูล
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
และทำหน้าที่ควบคุมการทำงานต่างภายในคอมพิวเตอร์
3.
หน่วยแสดงผล Output Unit
เป็นหน่วยที่แสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลข้อมูล ซึ่งมีรูปแบบการแสดง
ผลอยู่
2 แบบ คือ แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ และแบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้
ที่มา http://www.obec.go.th ครูสมเกียรติ แสนป้อ

4. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน

4.1. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
หมายถึง
การนำคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน โดยที่เนื้อหาวิชา แบบฝึกหัด และแบบทดสอบจะถูกพัฒนาขึ้นในรูปของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คือ
1) สามารถเรียนแบบการสอนได้ และ
2) มีสมรรถภาพในการรวบรวมสารสนเทศและข้อมูลต่าง ๆ


4.2. หลักการของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ประกอบด้วย

1. ใช้เป็นรายบุคคล (Individualized) ไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ออกแบบเพื่อใช้ส่วนบุคคล นับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ผลดีที่สุด

2. มีการตอบโต้อย่างทันท (Immediate Feedback)

3. เป็นกระบวนการติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน (Track Learners Process)

4. ปรับให้ทันสมัยได้ง่าย (Each of Updating)

5. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ไม่สามารถทำงานได้ทุกอย่างเหมือนคน ด้วยเหตุนี้ จึงนำมาเป็นส่วนนึ่งหรือช่วยสอนเท่านั้น การแก้ปัญหาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเขียนโปรแกรมให้สอดคล้องกับหลักจิตวิทยา

6. การเขียนโปรแกรมที่ดีต้องอาศัยความชำนาญอย่างมาก


ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ

5. การวัดประเมินผลคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา

ในการวัดประเมินบทเรียน มีขั้นตอนในการพิจารณาอยู่ 3 ขั้น คือ
1. การประยุกต์ใช้

1.1 บทเรียนนี้ออกแบบและผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ในหลักสูตร
วิชาอะไรและในหลักสูตรนี้ ผู้เรียนจะได้รับประโยชน์พิเศษเฉพาะ
จากบทเรียนนี้อย่างไรบ้าง
1.2 บทเรียนนี้บทบาททางการศึกษาอย่างไรบ้าง
เป็นบทเรียนที่ใช้ในการเรียนการสอนโดยตรงหรือเป็นบทเรียนที่
ใช้ประกอบหรือเสริมการเรียนเท่านั้น ถ้าบทเรียนนี้
มีบทบาทเพียงเพื่อเสริมการเรียนการสอน มีสื่อหรือ
กิจกรรมการสอนอื่นที่ออกแบบไว้ให้บทเรียนสนับสนุนหรือไม่
1.3 บทเรียนนี้ออกแบบมาสำหรับผู้เรียนนะดับใด
และผู้เรียนควรมีความรู้เบื้องต้นระดับใดและอย่างไรบ้าง
1.4 บทเรียนนี้ควรใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบใด
2. การใช้โปรแกรม
2.1 ประสิทธิผลทางการเรียนการสอน การที่จะวัด
ประสิทธิผลทางการเรียนการสอนของบทเรียนนั้นเราจะต้อง
1) วิเคราะห์คุณลักษณะของบทเรียน
2) วิเคราะห์แนวปฏิบัติของครูในการใช้บทเรียนนั้น
3) ทบทวนประสิทธิผลของบทเรียนที่มีต่อการ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์การเรียน
2.2 การบำรุงรักษาบทเรียน ในการประเมินเกี่ยวกับ
การบำรุงรักษาบทเรียนนี้จะเน้นในเรื่องการปรับปรุงบทเรียน
ให้เข้ากับสภาพการสอน ว่าทำได้หรือไม่เพียงใด
ทั้งนี้เนื่องจาก มีบางบทเรียนที่เปิดโอกาสให้ครูดัดแปลงเพิ่มเติม
ตัดบางส่วนออกหรือจัดลำดับใหม่ได้ เพื่อให้ครูสามารถดัดแปลง
บทเรียน ให้สอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียนบางคนได้
2.3 ความสะดวก ความสะดวกของบทเรียนในที่นี้หมายถึง
การที่เราสามารถใช้บทเรียนกับเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ ได้
เช่น เล่นได้ทั้งเครื่อง XTAT และหรือจอภาพสี
3. ราคา
การเปรียบเทียบราคาของบทเรียน อาจจะพิจารณาได้ยาก
เพราะมีข้อจำกัดเช่น เรื่องเวลา ความต้องการในการใช้บทเรียน
และประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นต้น นอกจากนั้น การผลิตบทเรียน
เรื่องเดียวกันจากผู้ผลิตหลายๆ แหล่งนั้นมีน้อย ดังนั้น การพิจารณาเปรียบเทียบในเรื่องราคาของบทเรียนจึงอยู่ในดุลยพินิจของผู้ที่ประสงค์
จะใช้บทเรียนนั้นๆพิจารณาเอง
ที่มา http://vod.msu.ac.th รศ.ดร.ไชยยศ เรืองสุวรรณ

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2550

บทความดีๆจากทุกมุมมอง #4

การเดินทางของ "ปริญญา" 1 ใบ
เป็นที่รู้กันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493

และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ

ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตรกลายเป็นของล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือนและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา

จน 29 ปีต่อมา มีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตรนั้นเป็นพระราช ภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย หนังสือพิมพ์ลงว่าหากเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร
490 ครั้ง ประทับครั้ง ละราว 3 ชม.
เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร 470,000 ครั้ง

น้ำหนักปริญญาบัตร ฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมดที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน

ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุลยังเล่าเสริมให้เห็น "ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ" ที่ไม่มีใครคาดถึงว่าท่านไม่ได้พระราชทานเฉย ๆ ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา โบหลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่ให้เรียบร้อย

บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน ฝุ่นมันจับ พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก

ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จฯ
พระราชทานปริญญาบัตรลงบ้าง โดยอาจงดเว้นการพระราชทานปริญญาบัตรในระดับป.ตรี คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโทขึ้นไป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า
พระองค์เองเสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น
แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปี ๆ เปรียบกันไม่ได้เลย

ที่สำคัญคือ
ทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญาสำหรับผู้สำเร็จป.ตรี
นั้นสำคัญเพราะบางคนอาจไม่มี โอกาสศึกษาชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก

ดังนั้น
" จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจน กว่าจะไม่มีแรง"
จาก
พี่ออฟ CS06 แห่ง www.thaireaderclub.com

บทความดีๆจากทุกมุมมอง #3


เรื่องนี้ขออุทิศให้กับ ทุกคนที่อยู่กับคนที่ตัวเองรัก.....

ลองอ่านดูแล้วหันไปดูคนข้างๆ
บอกรักให้เขารู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญแค่ไหน....ให้เขารู้ว่าคุณรักเขาแค่ไหน
เรื่องนี้ผมไม่รู้ใครแต่ง........แต่ผมอยากให้มันอยู่ในกระทู้ของผม...
เพื่อจะมีคนอ่านมันมากขึ้นสักคนก็ยังดี.....ขอบคุณครับ

"รักครั้งแรกใช่จะผิดหวังเสมอไป

มีคนเคยบอกว่า ความรักมีอยู่ 3 แบบ

1. รักเพราะหลง

2. รักเพราะอ่อนไหว

3. รักเพราะเข้าใจ

และยังมีคนบอกอีกว่า

รักครั้งแรกส่วนมากจะเป็นรักเพราะหลงและมักจะไม่สมหวัง

แต่สำหรับผมแล้วรักครั้งแรกเป็นรักที่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของผม

ผมชื่อ แทน เรียนปี 3 อยู่มหาลัยแห่งหนึ่ง

ผมต้องทำงานไปเรียนไป

เพราะพ่อแม่ผมเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน

ตอนนี้ผมจึงเหมือนอยู่ตัวคนเดียว

ตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย

ผมก็เงียบมาตลอดไม่ค่อยคุยกับเพื่อนคนไหนเลย ส่วนเธอ


เธอชื่อ ซี ......... ซีเป็นลูกคนรวย เรียนปี 3

เหมือนผม และคณะเดียวกับผม

โดยความคิดของผมแล้วนั้นลูกคนรวยส่วนมากจะชอบทำตัวเว่อร์ ๆ แต่สำหรับซี

แล้วเธอไม่ใช่ ซีเป็นคนเรียบร้อย ร่าเริง เรียนเก่ง

แล้วยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ

ด้วย ซึ่งต่างกับผมราวฟ้ากับดิน

ผมแอบมองซีมาตลอดตั้งแต่เข้ามาเรียนปี 1

แต่ตอนนี้ผมคงไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นแล้ว

ตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย

ผมก้อไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ เลย

ดังนั้นเลิกฝันถึงซีไปได้เลยครับ



เช้าวันนึง เข้าเรียนคาบแรก

อาจารย์สั่งให้ทุกคนนำงานที่สั่งมาส่ง

ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าอาจารย์สั่งงานตอนไหน

สงสัยสั่งตอนที่ผมแอบหลับในห้องเรียนมั้ง

ผมทำอะไรไม่ถูก


แทน? เสียงผู้หญิงเรียกชื่อผม ผมหันไปมอง

ซีเป็นคนเรียก

ซีพูดต่อว่า ?ซีทำรายงานมาให้ ซีรู้ว่าแทนไม่ได้ทำมา

เพราะเมื่อวานแทนหลับในห้องเรียนตอนอาจารย์สั่งงานพอดี?


พอพูดเสร็จซีก้อวางรายงานไว้บนโต๊ะ

แล้วก้อเดินกลับไป หลังเลิกเรียน

ผมเดินเข้าไปบอก ขอบคุณซี

แต่ซีพูดกลับมาว่า ?

เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นข้าวมื้อเที่ยงได้มั้ยค่ะ ?

ผมดีใจไม่คิดเลยว่าผมจะมีโอกาสได้นั่งกินข้าวกับซี

ผมเลยตอบกลับไปว่า ได้ครับ?

หลังจากนั้นเราก้อเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารของมหาลัย

เธอดูเรียบร้อยมากเวลาทานข้าว


พอทานเสร็จ ซีก้อพูดขึ้นมาว่า ?ซีรู้นะ

ว่าแทนไม่ค่อยรู้เรื่อง

ไม่ค่อยมีเวลาทบทวนเรื่องที่เรียนไป

เอาเป็นว่าเวลาแทนว่าง

ซีจะติวให้แทนดีมั้ย?


ความหวังดีจากหญิงคนนึงที่ผมเคยแอบมองมาตลอดนั้นมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

หลังจากวันนั้นผมกับซี

ก็จะมานั่งติวหนังสือกันทุกวัน จนเรียนจบมหาลัย

ผมก็มีบริษัทมารับเข้าทำงาน 2 บริษัท

บริษัทแรกทำงานในกรุงเทพ

ส่วนอีกบริษัททำงานที่ระยอง

ผมปรึกษากับซีว่าจะเลือกบริษัทไหนดี ซีบอกว่า

ตามใจแทนเถอะ ชีวิตเป็นของแทนนะ?

ผมได้ยินดังนั้นผมก้อไม่ลังเลที่จะเลือกทำบริษัทที่ 2

ถึงผมจะต้องไปทำที่ระยอง

แต่มันเป็นอนาคตที่ดีสำหรับผม

ผมไปทำงานอยู่ที่ระยอง 1 อาทิตย์ผมจะโทรหาซี 2 -3 ครั้ง

1 เดือนผมจะเข้ากรุงเทพ 1 - 2 ครั้ง

เวลาผ่านไป 4 ปี ผมได้ย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพ

เพื่อมารับงานในตำแหน่งผู้จัดการบัญชี

พอผมมาถึงกรุงเทพ

ทางบริษัทให้ผมลาพักร้อนได้ 1 อาทิตย์

ผมจึงตัดสินใจชวนซีไปเที่ยวเป็นครั้งแรก

ผมโทรเข้ามือถือซี ผมชวนเธอไปที่สวนสามพราน

เพราะซีชอบดอกไม้

ซีตอบกลับมาว่า ?จริงหรือแทน

ซีไม่เคยไปไหนกับใครนอกจากพ่อและแม่เลย

แทนจะพาซีไปวันไหนค่ะ?

ผมบอกกลับไปว่า ?พรุ่งนี้โอเคมั้ย

พาไปเที่ยวเสร็จแล้วซีไปดูคอนโดเป็นเพื่อนแทนหน่อยนะ

แทนจะซื้อคอนโดใกล้บ้านซี?

ซีตอบมาว่า ?ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะค่ะ?

เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปรับเธอที่บ้าน

หลังจากนั้นผมก้อนั่งรถแท็กซี่ไปสวนสามพราน

ระหว่างที่ดูดอกไม้นั้นซีดูมีความสุขมาก

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสมือซี

หลังจากที่คุยกันมานานถึง 6 ปี

พอบ่ายผมก้อไปดูคอนโดที่อยู่ใกล้บ้านซีที่สุด

แล้วก้อเซ็นสัญญาซื้อผ่อนทันที

ตกเย็นซีชวนผมไปบ้านของเธอ ซีบอกว่า

คุณพ่อของซีอยากเจอแทนค่ะ

เลยให้ซีชวนแทนมาทานข้าวที่บ้าน?

ผมไม่ปฎิเสธครับ พอไปถึงบ้านนั่งลงที่โต๊ะ

คุณพ่อของซีดูเป็นผู้ใหญ่มาก

ท่านพูดขึ้นมาว่า ?เธอเองหรือชื่อแทน

แล้วซีเล่าให้พ่อฟังอยู่บ่อย ๆ

ซีบอกกับพ่อว่า เธอเป็นคนขยัน

ว่าไงสนใจมาทำงานกับพ่อมั้ย มาทำที่บริษัทพ่อ?

ผมอึ้งไม่คิดเลยว่าท่านจะพูดกับผมแบบนี้

ผมรู้สึกดีใจตอนนี้ผมรู้สึกเป็นส่วนนึงในชีวิตของซียังไงไม่รู้ครับ

ผมตอบตกลงทันที

หลังจากวันที่ผมไปบ้านซี 2 วัน

ผมก้อเริ่มงานในบริษัทของพ่อซี

ตำแหน่งที่ผมได้เข้ารับคือตำแหน่ง

ผู้จัดการฝ่ายบัญชี

งานส่วนใหญ่จะใช้สมองซะมากกว่า หลังจากนั้นก้อว่าง

วันนึงพ่อของซีก้อเดินมาที่โต๊ะทำงานผมแล้วก้อบอกว่า แทนถ้าว่าง

ก้อพาซีไปเที่ยวก้อได้นะ พ่อฝากดูแลซีด้วย?

ผมตอบตกลงไป

ผมและซีในเวลานี้มีความสุขที่สุด

ผมมีเวลาให้ซีมากขึ้น แต่พอผมว่างมากขึ้น

ผมก้อพูดกับซีว่า ? ซี.... แทนเบื่อแล้ว

แทนอยากทำงาน

แต่ไม่ได้หมายความว่าแทนเบื่อซีนะ

แทนจะรับงานตรวจสอบบัญชีจากบริษัทอื่นมาทำด้วยนะ

ซีเห็นด้วยมั้ย?

ซีตอบกลับมาว่า ?ถ้ามันเป็นความต้องการของแทน

ซีก้อเห็นด้วย?

ผมก้อรับงานจากบริษัทอื่นเข้ามาทำ

เวลาว่างที่ผมเคยมีให้ซีก้อค่อย ๆ

หมดลงไป

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมจะต้องพยายามทำงานให้มากเพื่อที่จะเทียบเท่าหรือใกล้เคียงซีมากขึ้น

ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะบอกว่ารักเธอ

แต่ในใจแล้วผมรู้สึกได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วว่าซีคือคนที่ผมอยากอยู่ด้วย

วันนี้เป็นวันเกิดของซี

ผมทำงานจนลืมไปเลยว่าวันนี้วันเกิดของเธอ

วันรุ่งขึ้นซีโทรมาหาผมแล้วพูดว่า

แทนไม่เคยลืมเลยนะ แต่ปีนี้แทนลืม

เมื่อวานเป็นวันเกิดของซีนะ?

แล้วเธอก้อร้องไห้

ในเวลานั้นผมเครียดเรื่องงานมาก

ผมเลยพูดออกไปอย่างไม่คิดว่า ?ไร้สาระน่ะซี

แทนต้องทำงานนะ แทนไม่ว่างเหมือนซีนะ?

เธอเงียบไปสักพักแล้วซีก้อพูด ?ขอโทษนะแทน

ซีไม่อยากทะเลาะกับแทนซีอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขโดยมีแทนอยู่เคียงข้างนะ?

ผมโกรธที่เธอพูดแบบนี้มาก

แต่เงียบไม่ต่อว่าอะไรเธอไป ซีพูดต่ออีกว่า

อีก2วันซีจะไปอเมริกากับแม่ ซีอยากให้แทนไปด้วย

ซีขออนุญาตคุณพ่อแล้วนะ

คุณพ่อบอกว่าให้แทนไปด้วยได้ แทนจะไปกับซีมั้ย?

ผมตอบกลับไปว่า ?ช่วงนี้งานยุ่ง

ซีไปกับแม่ให้สนุกเถอะ? แล้วซีก้อวางหู

ซีเดินทางไปอเมริกากับแม่ 1 เดือน ในเวลาระหว่าง 1 เดือนนี้

ผมไม่ได้ติดต่อกับซีเลย พอซีกลับมากรุงเทพ

ผมก้อไม่ได้ไปรับ

หลังจากกลับมาจากอเมริกา

ผมกับซีก้อห่างเหินกันไม่ค่อยได้เจอกันเลย 1

เดือนจะได้เจอหน้ากันสัก 2 ? 3 ครั้ง

ไม่ได้โทรคุยกันเลยเพราะผมงานยุ่งมาก

ผมทำงานที่บริษัทพ่อซีมา 3 ปีแล้ว

ตอนนี้ผมคิดว่าผมพร้อมทุกอย่างแล้ว

มีเงินพอที่จะซื้อบ้าน ซื้อรถ

และทุกสิ่งทุกอย่างที่ซื้อได้ด้วยเงิน

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผมจึงตัดสินใจที่จะขอซีแต่งงาน

แล้วคืนก่อนวันที่ 14

ซีก้อโทรมาหาผมที่บ้าน

แทนซีถามอะไรแทนหน่อยได้มั้ย? ผมตอบว่า ?ได้สิ?

ซีถามต่อ ?แทนทำไมถึงขยันทำงานขนาดนี้

แทนขยันเพื่อใคร เพื่ออะไร?

ผมไม่ตอบกับคำถามของซี แต่พูดกลับไปว่า

พรุ่งนี้แทนจะบอก

แทนจะตอบทุกคำถามขอซี

พรุ่งนี้ซีไปสวนสามพรานกับแทนนะ? ซีตอบมาว่า ?ได้?

เช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผมรีบไปที่เต้นท์โชว์รูม ฮอนด้า

ทำสัญญาออกรถป้ายแดง

ออกมาแล้วก้อขับไปรับซีที่บ้าน

ผมนึกว่าซีจะตกใจที่ผมขับรถไปรับเธอ

แต่ไม่เลยเธอดูอ่อนเพลียเหมือนคนไม่สบาย หน้าซีด

ผมจึงบอกซีว่า

ไว้วันหลังก้อได้นะซี? ซีตอบกลับมาว่า ?วันนี้แหละ

ซีอยากไปวันนี้?

ก่อนขับรถออกจากบ้านซีผมเห็นแม่ซีดูเหมือนจะร้องไห้แต่ก้อไม่ได้คิดอะไร

พอมาถึงสวนสามพราน ผมเดินจูงมือซีดูดอกไม้

เดินได้สักพักผมก้อพาซีมานั่งที่ม้านั่งริมสระน้ำ

ซีซบไหล่ผมแล้วพูดกลับผมว่า

แทน ซีรู้นะว่าแทนรักซี

แต่ซีอยากให้แทนบอกซีเองจะได้มั้ย แทนบอกซีด้วยว่า

แทนทำไมถึงขยันทำงานขนาดนี้ แทนขยันเพื่อใคร เพื่ออะไร?

แล้วคราวนี้ผมก้อบอกเธอทุกอย่างว่า

ซี.........แทนรักซีนะ

ทุกอย่างที่แทนขยัน

แทนทำเพื่อซี

แทนไม่อยากให้ซีโดนใครดูถูกว่ามาคบกับแทน

แล้ววันนี้แทนมีพร้อมทุกอย่างแล้ว

วันนี้แทนคิดว่าแทนใกล้เคียงพอที่จะขอซีแต่งงานแล้ว

ซีแต่งงานกับแทนนะ"

แล้วผมก้อหยิบแหวนแต่งงานที่แอบซื้อไว้หมายจะสวมเข้าที่นิ้วของซี

ผมจับมือของซีขึ้น เธอไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่ผมทำ

ผมจับตัวเธอเขย่า

เธอไม่รู้สึกอะไรเลย

ผมจึงอุ้มร่างซีขับรถไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

แล้วแล้วระหว่างนั้นผมก้อโทรบอกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับซี

มาถึงโรงพยาบาล หมอรีบพาซีเข้าห้อง ไอซียู

ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยถามหมอว่าซีเป็นอะไรหมอก้อไม่ยอมบอก

ไม่นานพ่อกับแม่ซีก้อมาถึงโรงพยาบาล

ผมถามแม่ซีว่าซีเป็นอะไร

แม่ซีบอกกับผมว่า

ซีเป็นโรคหัวใจ เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว?

ผมอึ้งทำไมผมมันโง่อย่างนี้ผมไม่เคยรู้อะไรเลย

ไม่เคยรู้ว่าซีเป็นโรคหัวใจ

ผมนั่งภาวนาอยู่หน้าห้องไอซียูว่าขออย่าให้ซีเป็นอะไรเลย

ถ้าซีหายผมจะแต่งงานกับเธอ

จะไม่ทิ้งให้เธอเดียวดายอีกต่อไป

ซีอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 5 ชั่วโมง

หมอก้อเดินออกมาจากห้อง

ผมรีบวิ่งเข้าไปเขย่าตัวหมอแล้วถามว่า

ซีไม่เป็นไรใช่ไหมหมอ?

หมอเงียบสักพักแล้วตอบว่า ?ผมเสียใจด้วยนะครับ?

ผมได้ยินคำนี้ถึงกับทรุดตัวลง

แล้วก้อนั่งร้องไห้ออกมา

หลังจากนั้นงานศพของซีของถูกจัดขึ้นท่ามกลางแขกหลายคน

รวมทั้งเพื่อนของซีด้วย

วันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันเผาศพ

แม่ซีแทนเข้ามาหาผมแล้วก้อยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม

แล้วพูดว่า

ของที่อยู่ข้างในเป็นของที่ซีเขียนจดหมายไว้ให้แม่

บอกให้แม่มอบให้แทน?

ผมค่อย ๆ แกะซองนั้นออกข้างในมีสมุดเล่มเล็ก ๆ กับม้วนวีดีโออยู่

หลังจากพีธีเผาศพเสร็จผมนั่งอยุ่ด้านหน้าจนแขกในงานกลับไปกันหมด

พ่อซีเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดกลับผมว่า

ซีรักแทนมากนะ? แล้วพ่อก้อเดินกลับไป

ผมขับรถกลับมาคอนโด ด้วยรอยคล้ำใต้ตา

ผมเดินไปหยิบม้วนวีดีโอเทปแล้วนำมันไปเปิด

ผมเห็นซีในชุดสีขาวเหมือนชุดในโรงพยาบาลไม่มีผิด

ซีพูดว่า ?แทน .......

ถ้าแทนได้ดูม้วนวีดีโอนี้แล้วแสดงว่าซีไม่ได้อยู่แล้วนะ

ตอนนี้ซีอยู่ที่โรงพยาบาลในอเมริกา

แม่ซีพาซีมาหาหมอเพื่อที่จะผ่าตัดครั้งสุดท้าย

ถ้าผ่าตัดครั้งนี้ไม่สำเร็จ

หมอบอกว่าซีจะอยู่ได้อีกไม่ถึง 2 ปี

แต่ซียอมเสี่ยงเพื่อที่จะได้อยู่กับแทนตลอดชีวิต

ซีไม่โกรธแทนนะที่แทนไม่มาอเมริกากับซี

แต่แทนอย่าโกรธซีนะที่ซีไม่ได้บอกว่าซีเป็นโรคหัวใจ

ซีแค่ไม่อยากให้แทนกลุ้มใจ

ซีเห็นแทนพยายามในสิ่งที่แทนต้องการ

แค่นี้ซีก้อมีความสุขแล้ว

ซีรู้นะว่าแทนพยายามทำเพื่อใคร แทนทำเพื่อซีใช่มั้ย

ถ้าคิดไปเองก้อขอโทษนะ

ซีอยากให้แทนรู้นะว่าซีรักแทนมาก มากที่สุดด้วย?

สัญญาณภาพก้อหายไป

น้ำตาขอผมออกมาชำระความโง่เขลาของตัวเอง

ทำไมผมไม่เอะใจกับคำพูดของเธอที่ว่า ?ขอโทษนะแทน

ซีไม่อยากทะเลาะกับแทนซีอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขโดยมีแทนอยู่เคียงข้างนะ?

..ผมน่าจะรู้ว่าเธอไม่สบาย

..ผมน่าจะไปอเมริกากับเธอ

ผมนั่งคิดสักพักแล้วก้อหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

ในนั้นเขียนว่า

ถึงแทนที่ซีรัก อย่าโทษตัวเองนะที่ไม่มีเวลาให้ซี

อย่าโทษตัวเองนะว่าผิด

เรื่องนี้ไม่มีใครผิด และก้อไม่มีใครถูก ซีรักแทน

แทนก้อรักซี ถึงเรา 2

คนจะไม่พูดแต่ซีก้อรู้สึกนะ ถึงซีจะไม่อยู่แล้ว

แต่ซีก้อยังคงอยู่ในใจแทนนะ

ซีรักแทนมาก มากเกินกว่าที่จะเขียนลงไปได้

ซีอยากจะบอกกับแทนว่ารักจากปากของซีเอง

แต่มันคงไม่มีเวลาแล้ว

หลังจากที่ซีไปผ่าตัดแล้วผลออกมาล้มเหลว

ซีก้อป่วยมาตลอด ซีไม่ได้โกรธแทนนะ

แต่ซีไปหาแทนไม่ไหว ซีไม่อยากจะบอกให้แทนรู้

เพราะแทนกำลังตั้งใจกับงานที่ทำอยู่

สุดท้ายนี้ซีอยากจะบอกกับแทนว่า

ซีขอโทษซีอยู่กับแทนได้แค่นี้ ระยะเวลา 9

ปีที่ซีอยู่กับแทนถึงมันจะน้อยแต่ซีรู้สึกมีความสุขมากนะ

ลาก่อนแทนที่ซีรัก?

ผมอ่านจดหมายเสร็จ

ผมก้อนั่งร้องไห้และคิดอยู่ตลอดเวลาว่า

ตอนนี้ผมมีทุกอย่าง มีทุกสิ่งที่จะซื้อได้ด้วยเงิน

แต่ผมกลับซื้อเวลาที่จะอยู่กับซีไม่ได้

แต่ถ้าผมซื้อเวลาคืนมาได้

1 นาที ผมจะบอกว่าให้ซีรู้ว่า ผมรักเธอมากแค่ไหน

1 ชั่วโมง ผมจะรีบขับรถไปหาเธอแล้วบอกเธอว่าขอโทษที่จำวันเกิดไม่ได้นะที่รัก

1 วัน ผมจะอยู่กับเธอในวันเกิดที่ผมลืม

1 เดือน ผมจะไปดูแลเธอที่อเมริกา

และ 1 ปี ผมจะขอเธอแต่งงานและอยู่กับเธอ

ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ 1 ปีก้อตาม

ในชีวิตของคน ๆ นึง

จะมีสักครั้งมั้ยที่จะได้พบรักแท้ในรักครั้งแรก

ชีวิตเราเกิดมาเพื่อใคร และเกิดมาทำไม

อย่างน้อยชีวิตของผมที่เกิดมา

ก้อได้รู้ว่าเกิดมาเพื่อใครและพยายามเพื่อใคร

สำหรับรักครั้งแรกของผมนั้นผมคิดว่าจะเป็นรักครั้งเดียวในชีวิตของผมที่ดีที่สุด

ถึงแม้ผมจะไม่ได้บอกกับซีว่า ผมรักซี

แต่ตอนนี้ผมจะบอกผ่านโพสต์นี้ไปถึงซีว่า

ผมรักซีมาก รักตั้งแต่วันแรกที่เจอ

ซีคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีได้ในวันนี้

เพราะฉะนั้นผมจะไม่รักใครอีกนอกจากเธอ?

ซีจากผมไป 1 ปี กับ อีก 4 วัน

แต่เมื่อวานซีก้อยังทำให้ผมร้องไห้อีกจนได้ครับ

เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็น ผมกลับมาที่คอนโด

เพื่อเปลี่ยนชุดไปงานเลี้ยงของบริษัทที่ผมทำงานอยู่

( หรือบริษัทของพ่อซี )

ผมเลือกเสื้อสูทที่จะใส่ไปงาน

ในขณะที่ผมเลือกอยู่ผมก้อเหลือบไปเห็นเสื้อสูทสีม่วงผ้ากำมะหยี่

ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าเสื้อตัวนี้

ซีเป็นคนซื้อให้ผมก่อนที่เธอจะไปรักษาตัวที่อเมริกา

แต่ผมไม่เคยใส่มันเลย

เพราะเคยลองใส่ดูแล้วมันดูเหมือนนักสนุ๊กเกอร์อย่างไรไม่รู้

ผมเลยไม่ชอบ

แต่วันนี้ผมคิดถึงซีมาก ผมเลยหยิบสูทตัวนี้ขึ้นมาใส่

พอใส่เสร็จผมมีความรู้สึกว่ามีของอยู่ในกระเป๋า

ผมจึงล้วงลงไปหยิบและเอามันขึ้นมาจึงรู้ว่ามันเป็นเทปคาสเซ็ทม้วนหนึ่ง

ด้วยความอยากรู้ว่ามันเป็นเพลงอะไรผมจึงตรงไปที่เครื่องเสียงแล้วเปิดมัน

เสียงแรกที่ผมได้ยินเป็นเสียงของ ซี

เธออัดเสียงของเธอลงในเทป

ต่อไปนี้จะเป็นคำพูดที่เธอพูดในเทปนะครับ



" สวัสดีค่ะ แทน นั่นแน่

แทนได้ฟังเทปแล้วแสดงว่าแทนแพ้พนันซีแล้วนะ

เพราะแทนบอกว่าจะไม่มีวันใส่สูทตัวนี้ (เธอหัวเราะเบา ๆ )

ในที่สุดแทนก้อใส่สูทตัวนี้จนได้ เฮ้อ ( เธอถอนหายใจ )

ตอนนี้เราจากกันนานหรือยังนะ

ขอโทษที่ซีพูดอย่างนี้นะ

เพราะซีคิดว่าแทนคงได้ฟังเทปนี้ตอนที่ซีไม่ได้อยู่กับแทนแล้ว

แทนคิดถึงซีมั้ย

คงคิดถึงล่ะสิ แทนอยากรู้มั้ยว่าตอนนี้ซีอยู่ที่ไหน

ถ้าอยากรู้ทำตามที่ซีบอกนะ

แทนเปลี่ยนเทปไปฟังที่ต้นหน้า B นะค่ะ "

แล้วเสียงซีก้อเงียบลง ผมจึงรีบกรอไปที่ต้นหน้า B แล้วเปิดฟัง

" แทนค่ะ แทนทำตามที่ซีบอกนะค่ะ แทนหลับตาลงนะ "

แล้วผมก้อได้ยินเสียงคลื่น

แล้วก้อมีเสียงเธอพูดขึ้นว่า " แทน

ซีว่าเปลือกหอยอันนี้สวยจังเลยนะค่ะ "

แล้วเธอก้อพูดขึ้นมาว่า "

รู้มั้ยว่าตอนนี้เราอยู่กันที่ไหน "

ผมตอบกับตัวเองว่าทำไมจะจำไม่ได้

เพราะเสียงที่ผมได้ยินนั้นมันมาจากม้วนวีดีโอ

ที่เราไปถ่ายตอนไปเที่ยวที่ พัทยา

แล้วเทปที่มีเสียงของซีก้อยังคงเล่นต่อไป

ซีเปิดวีดีโอ มีเสียงที่อยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่

ผมกับเธอไปเที่ยวกัน

เสียงของเธอในเทปก้อพูดขึ้นมาว่า

" ตอนนี้แทนรู้ยังค่ะว่า ซีอยู่ที่ไหน

ซีอยู่ในใจแทนนะ เวลาที่แทนคิดถึงซี

แทนก้อเปิดวีดีโอ หรือ รูปถ่ายของเราดูก้อได้นะ

และวันนี้ซีก้อจะรักษาสัญญากับแทนอีกเรื่องหนึ่งนะค่ะ

แทนจำได้มั้ย

แทนเคยร้องเพลงให้ซีฟัง ซียังจำได้นะ

แต่จำชื่อไม่ได้ว่าเพลงอะไร

แต่จำเนื้อร้องได้ท่อนนึงนะ ท่อนที่ว่า "

เส้นทางชีวิตของฉัน

ถึงแม้ว่ามันไม่โรยด้วยกลีบดอกไม้

แต่มันเป็นทางที่ฉันเลือกเดินด้วยหัวใจ

เส้นทางชีวิตสายนี้จะขอพิสูจน์ด้วยแรงและกำลังใจ "

และอะไรต่อจำไม่ได้แล้วค่ะ

ร้องได้แค่นี้ค่ะ พอแทนร้องเสร็จ

แทนก้อบอกให้ซีร้องให้ฟังบ้างแต่ซีไม่ได้ร้อง

แทนเลยโกรธ แต่วันนี้ซีจะร้องให้ฟังนะ แทนฟังให้ดีนะ

ซีอาจจะร้องไม่เพราะเท่าไรนะค่ะ

ซีจะฝากบทเพลงนี้ไว้แทนใจนะ

เมื่อไรที่แทนเหงาแทนจงฟัง

เพราะมันจะเป็นบทเพลงสุดท้ายไว้แทนใจ

เพราะตอนนี้เราคงต้องห่างไกลกันนะ ซีร้องแล้วนะ ( แล้วเธอก้อร้องเพลง )
.....

" วันคืนที่เนิ่นนาน

อาจผ่านชีวิตคน

อาจเปลี่ยนใจคนให้เวียนหมุนไป

ทำเราจากกันนาน

ไม่เคยโทษใคร

มันเป็นเงื่อนไขของกาลเวลา

วันวานของเรา

แม้มันไม่คืนกลับมา

แต่อยากจะบอกให้เธอรู้ว่า

ฉันยังห่วงใย

ใจก้อยังคิดถึงเธอ

เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ

แม้ว่าเธอจากฉันไป

ฉันยังเฝ้าดู

และอยากจะรู้ความเป็นไป

เพราะว่าฉันรักเธอดั่งเดิม เดิม

ถึงจะนาน นานเท่าไร

ฉันขอพอใจขอเป็นอย่างเดิม

ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอต้องเหนื่อย

ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอลำบาก

ได้แต่คอยเอาใจช่วยเธอทุกอย่าง

อยากให้เธอมีโลกที่สวยงาม

รักเธอเสมอ

ยังไงซีก้อรักแทนนะค่ะ "

สุดท้ายยย ( เสียงของเธอผมรู้สึกได้เลยครับว่าเธอกำลังร้องไห้

เพราะเสียงของเธอสะอื้น )

ซีอยากจะบอกแทนว่า แทนอย่าปิดกั้นตัวเองเพราะซีนะค่ะ

ซีอยากให้แทนเจอคนดีดี

อย่าจบชีวิตตัวเองโดยไม่ใคร แทนเป็นคนดี

แทนต้องได้เจอคนดีดี

ซีเชื่อว่าต้องเป็นเช่นนั้น

ซีจะไม่โกรธถ้าแทนจะมีใครสักคน

แต่ซีจะโกรธถ้าแทน ปิดกั้นชีวิตเพราะซี แทนค่ะ

แทนอย่าทำให้ซีต้องเป็นห่วงนะค่ะ

แทนสัญญากับซีนะค่ะ ว่าจะไม่ปิดกั้นตัวเอง

ถึงซีจะไม่ได้ยิน

ซีจะเงียบให้แทนพูดนะค่ะ .......

ไม่มีเสียงจากเทปครับ ผมก้อเลยพูดออกไปตามอารมณ์นั้น

แทนสัญญา

ผมก้อนึกว่าเทปคงหมดหน้าแล้วจึงเอื้อมไปปิด

ผมถึงกลับสะดุ้งและขนลุกทันที

ที่ได้ยินเสียงของซีออกมาจากเทปแล้วพูดว่า

" ขอบคุณนะค่ะ

ถึงซีจะไม่ได้ยินแต่ซีเชื่อว่าแทนคงจะรักษาสัญญากับซีนะค่ะ

ว้าเทปหมดแล้วนะค่ะ ซีรักแทนนะค่ะ.................

ช่วงเวลาที่ผมได้ยินคำขอบคุณจากเธอ

ผมยังรู้สึกว่าเธอยังอยู่ข้าง ๆ ผมเลย

ผมคิดถึงเธอมาก

ผมนั่งคิดว่าทำไมซีถึงเข้มแข็งได้ขนาดนี้

ผมนั่งร้องไห้ไปตั้งแต่ได้ยินเสียงคลื่นจากทะเลของวีดีโอแล้ว

แต่เสียงเพิ่งมาร้องไห้ ตอนร้องเพลงให้ผมฟัง

ทำไมเธอถึงพูดได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองจะต้องตาย

ทำไมเธอไม่เคยบ่นว่าทรมานให้ผมฟัง

แล้วทำไมเธอยังเป็นห่วงชีวิตผมอีก

แล้วอย่างนี้ผมจะลืมเธอได้มั้ย

ผมจะเจอคนที่เป็นห่วงและรักผมได้อย่างนี้อีกมั้ย

แต่อย่างน้อยผมก้อยังรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้จากผมไปไหนไกล

แต่เธอยังอยู่กับผมใกล้ ๆ ในใจผมเสมอ

และแล้วผมก้อไปไม่ทันกล่าวพิธีเปิดงานเลี้ยงจนได้

พ่อของซีโกรธใหญ่เลย อิอิ

ท่านถามผมว่าไปทำอะไรมา

ผมแอบอมยิ้มแล้วตอบกับท่านว่า "

ผมนั่งฟังคนที่ผมรักพูดอยู่ครับ "

พ่อซีได้ยินเท่านั้นแหละทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกไปเลยครับ อิอิอิอิ

สายลมพัดไปแล้วไม่หวนมา

เหมือนกับชีวิตคนตายไปแล้วก้อไม่ฟื้นขึ้นมา

ขึ้นอยู่กับว่าโลกสำหรับคนที่ตายนั้นมันเป็นอีกโลกนึง

แต่โลกสำหรับคนที่อยู่นั้นมันเป็นโลกแห่งความจริง

อย่ายึดติดกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน

และอย่าปิดกั้นในสิ่งที่เรียกว่ารักแท้

แต่จงยึดมั่นและเก็บความรู้สึกที่ดีไว้ให้กับรักแท้จะดีกว่า

มีพบก้อมีจากมันเป็นธรรมดา

C love Tan never die and forever but Tan forget me not .

Because C will alive in your heart.

นั่นคือจดหมายฉบับสุดท้ายที่ซีเขียนให้ผมและแนบไว้ในกล่องใส่เทปคลาสเซ็ท
จาก
PS.Nual แห่ง www.thaireaderclub.com

บทความดีๆจากทุกมุมมอง #2

ยาสีฟันของในหลวง

ผมมีภาพๆ หนึ่งเอามาให้ดูกัน เป็นภาพหลอดยาสีฟันที่ถูกใช้แล้วครับ

เห็นทีแรกไกลๆ ก็ไม่รู้สึกอะไรมากหรอกครับ เป็นภาพที่ติดอยู่บนบอร์ดที่โรงเรียนของลูก ระหว่างที่รอลูกๆ ลงมาจากห้องเรียนจึงได้อ่านข้อความที่ประกอบภาพนี้อย่างละเอียด

ภาพหลอดยาสีฟันที่เห็นนี้ต้องเรียกว่าเป็นหลอดยาสีฟันพระทนต์ประวัติศาสตร์ เพราะนี่คือหลอดยาสีฟันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เห็นแล้วรู้สึกเหมือนผมไหมครับ ความเย็นจากที่ไหนก็ไม่รู้อาบลงมากลางกระหม่อมเลย

ภาพนี้ถูกตีพิมพ์เป็นโปสเตอร์โดยคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์ฯ ครูที่โรงเรียนของลูกผมไปพบเข้าเลยนำมาถ่ายสำเนาติดบอร์ดให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้และเข้าใจคำว่า “ประหยัด

ศาสตราจารย์พิเศษทันตแพทย์หญิงท่านคุณหญิงเพ็ชรา เดชะกัมพุช ทันตแพทย์ประจำพระองค์ อดีตคณาบดีคณะทันตแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนเล่าให้ฟังว่า

“ครั้งหนึ่งทันตแพทย์ประจำพระองค์กราบถวายบังคมทูลเรื่องศิษย์ทันตแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบางคนมีค่านิยมในการใช้ของต่างประเทศและมีราคาแพง รายที่ไม่มีทรัพย์พอซื้อหาก็ยังขวนขวายเช่ามาใช้เป็นการชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งเท่าที่ทราบมามีความแตกต่างจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงนิยมใช้กระเป๋าที่ผลิตในประเทศเช่นสามัญชนทั่วไป ทรงใช้ดินสอสั้นจนต้องต่อด้าม แม้จนยาสีพระทนต์ของพระองค์ท่านก็ทรงใช้ด้ามแปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบน จนแน่ใจว่าไม่มียาสีฟันพระทนต์หลงเหลืออยู่ในหลอดจริงๆ

เมื่อกราบบังคมทูลเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งว่า ของพระองค์ท่านก็เหมือนกัน และยังทรงรับสั่งต่อไปอีกว่าเมื่อไม่นานมานี้เองมหาดเล็กห้องสรงเห็นว่ายาสีพระทนต์ของพระองค์คงใช้หมดแล้ว จึงได้นำหลอดใหม่มาเปลี่ยนให้แทน

เมื่อพระองค์ได้ทรงทราบก็ได้ขอให้เขานำยาสีพระทนต์หลอดเกามาคืนและพระองค์ท่านยังทรงสามารถใช้ต่อไปด้อีกถึง 5 วัน

จะเห็นได้ว่า ในส่วนของพระองค์ท่านเองนั้นทรงประหยัดอย่างยิ่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ทรงพระราชทานเพื่อราษฏรผู้ยากไร้อยู่เป็นนิจ พระจริยาวัตรของพระองค์ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดถึง พระวิริยะ อุตสาหะ ตลอดจนความประหยัดในการใช้ของอย่างคุ้มค่า

หลังจากนั้น ทันตแพทย์ประจำพระองคืได้กราบพระบาททูลขอพระราชทานหลอดยาสีฟันพระทนต์หลอดนั้นเพื่อนำไปให้ศิษย์ได้เห็นและรับใส่เกล้าเป็นตัวอย่างเพื่อประพฤติปฏิบัติในโอกาสต่อๆ ไป

ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานส่งหลอดยาสีพระทนตืเปล่าหลอดนั้นมาให้ถึงบ้าน ทันตแพทย์ประจำพระองค์รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้า ยิ่งเมื่อได้พิจารณาถึงลักษณะของหลอดยาสีพระทนต์เปล่าหลอดนั้นแล้ว ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุใดยาสีฟันพระทนต์หลอดนี้จึงแบนราบเรียบโดยตลอด คล้ายแผ่นกระดาษโดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปเกือบถึงเกลียวคอหลอด

เมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอีกครั้งในเวลาต่อมา จึงได้รับคำอธิบายจากพระองค์ว่า หลอดยาสีฟันพระทนต์ที่เห็นแบนเรียบนั้นเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋มที่เห็นนั่นเอง

และเพื่อที่จะขอนำไปแสดงให้ศิษย์ทันตแพทย์ได้เห็นเป็นอุทาหรณ์จึงได้ขอพระราชานุญาตซึ่งพระองค์ท่านก็ได้ทรงพระเมตตาด้วยความเต็มพระทัย”

ผมมีโอกาสได้ยืนมองดูรูปหลอดยาสีพระทนต์หลอดนี้อยู่เนืองๆ เวลาไปรอรับลูกที่โรงเรียน และเมื่อยิ่งดูก็ยิ่งได้รับรู้ถึงปรัชญาที่พระองค์พระราชทานผ่านมาทางหลอดยาฯ นี้

แล้วผมก็พบว่าแก่นแท้ของการประหยัดอยู่ตรงนี้นี่เอง

ไม่ใช่ไม่ยอมใช้เลย แต่ต้องรู้จักใช้ รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช้แบบเหลือทิ้งเหลือขว้าง

และทำให้ผมคิดไปถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติบนโลกใบนี้ หลอดยาสีพระทนต์ของในหลวงหลอดนี้สอนผมให้เข้าใจว่า ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์เรายังคงต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติต่อไป ไม่ใช่ไม่ใช้เลย แต่จะใช้อย่างไรมากกว่า ตัวอย่างง่ายๆ เรื่องการใช้น้ำ เราไม่ควรประหยัดน้ำจนต้นไม่ที่ปลูกอยู่ตายเพราะขาดน้ำ แต่เราควรระวังการเปิดน้ำทิ้งไว้ เราควรระวังท่อน้ำรั่วหยดซึม เราควรระวังเรื่องสิ้นเปลืองเหล่นี้ต่างหาก แล้วผมก็เลยคิดไปถึงเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องเขื่อนว่าทำไมบางครั้งโลกเราถึงต้องยอมเสียพื้นทีป่าบางพื้นที่เพื่อสร้างเขื่อนบ้าง

ผู้ส่งอีเมลล์ฉบับนี้เป็นอีกคนนึงที่ได้อ่านถึงข้อความทั้งหมดนี้ตั้งแต่ต้นจนจบและรู้สึกว่า ตัวเองทำอะไรสิ้นเปลืองอยู่ตลอดเวลาจริงๆ ขอขอบคุณ คุณ Xellos จาก PK ที่นำข้อความดีๆ มาให้อ่านครับ

ผมหวังว่าหลังจากที่พวกคุณได้อ่านกันแล้วคงจะช่วยคุณพ่อกับคุณแม่ประหยัดกันได้มากขึ้นนะครับ
จากคุณ ต้นส้ม แห่ง www.thaireaderclub.com

บทความดีๆจากทุกมุมมอง #1

" พ่อครับ ขอยืมตังค์หน่อย "
เสร็จจากงาน ถึงบ้าน
เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว เขาเดินเข้าบ้าน
ที่ดูเงียบเหงา เนื่องจาก ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อปีกลาย

ทิ้งลูกชายคนเดียวไว้ กับเขาให้หา เลี้ยงลูกตามลำพัง
ดีว่าเจ้าหนูน้อยพอจะช่วยตัวเองได้บ้าง
อาหารก็กิน อาหารปิ่นโต ที่ผูกประจำ หากินเองได้
ทำให้ ไม่เป็นภาระมากมาย นัก

เข้ามาในบ้าน เหงื่ออาบแก้มยังไม่ทันได้พัก ผู้เป็นพ่อ
เห็นหน้าลูกชายวัยซน ที่รอรับเอ่ยปาก ทัก

" พ่อครับวันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยครับ "

" เหนื่อยสิ ลูกแล้ววันนี้ทำการบ้านเสร็จ แล้วเหรอ "
ผู้เป็นพ่อตอบเนือยๆ พร้อมกับ ถาม ต่อ ด้วยความเคยชิน

" เสร็จหมดแล้วครับ คือ ผม มีเรื่องบางอย่างอยากจะถามพ่อน่ะ พ่อว่างหรือยังครับ "
ลูกชายตัวน้อย ถาม ต่อ

''เดี๋ยวพ่อจะไปอาบน้ำ หาข้าวกินข้าวซัก หน่อย
แล้วคงจะเข้านอนวันนี้เหนื่อย เหลือเกิว่าแต่แก จะถามอะไรพ่อเหรอ "

ผู้เป็นพ่อ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

" คือผมอยากรู้ ว่า พ่อทำงานได้ ค่าจ้างวันละเท่าไรครับ "

ลูกชาย ถามด้วยน้ำ เสียงใสซื่อ


เค้าหันมามองหน้าลูกชาย พร้อมกับ ขมวดคิ้วด้วย ความสงสัย
แล้วผู้เป็นพ่อ แต่ก็ตอบไปว่า

" วัน ล่ะ สี่ร้อย "


" งั้นผม ขอยืม ตังค์ พ่อ ซักสองร้อยได้ มั้ยครับ "

ลูกชายตัวน้อยเอ่ยปากด้วยสายตาวิงวอน

" หา แกว่าไง นะ "

ผู้เป็น พ่อ ขึ้นเสียงด้วยอารมณ์ฃ

ก่อนที่จะ หันมา พูดกับ ลูกชายด้วยเสียงเข้มขึ้น กว่าเดิม

" นี่ฟังนะ แกคิดว่า เงินทอง หาได้ง่ายๆ เหรอ กว่าพ่อจะได้เงิน สี่ร้อย บาท
ต้องทำงานเหนื่อยตั้งแต่เช้ายันค่ำแต่พอกลับมาถึงบ้านเจอแกรอขอยืมเงิน
พ่อง่ายๆแบบนี้นี่นะแกลองไปคิดดูให้ดี สิว่าแกทำประโยชน์อะไรให้พ่อบ้าง
พ่อถึงจะต้องให้ เงินสองร้อยนี่ให้แก ยืม "

เด็กชายยืนนิ่ง มองหน้าพ่อ ไม่มีเสียงหลุดออก จาก ปาก
แต่น้ำตาไหลซึม ลงอาบร่องแก้มทั้ง สองข้าง
ก่อนที่จะหัน หลังเดินกลับห้อง ตัวเอง อย่างซึมเซา

หลังจากอาบน้ำเสร็จ แวะเข้าครัว หาข้าวปลากินเรียบร้อย
เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เดินไป ที่ ระเบียง ความรู้สึกเคร่งเครียดที่ได้ รับ
มาจากงานนอกบ้าน เริ่มผ่อนคลาย คิดไป ถึงอดีตที่ผ่านและงานที่ทำมาทั้งวัน
แล้วก็ ย้อน กลับคิดไปถึงลูกชายตัวน้อยลูกเป็นเด็กดี
ไม่เคยเกเร ไม่ เคยเอ่ยปากขอเงิน เพิ่มนอกจากเงินค่าขนม ที่เขาให้
ประจำวันเท่านั้น แต่วันนี้ทำไม ถึงเอ่ยปากยืมเงินเมื่อสักครู่
เขา เหนื่อยเกินไป หรือเครียดเกินไปหรือป่าว

ถึงได้ใช้อารมณ์กับ ลูกไปอย่างนั้น เมื่อได้คิด เขาดับ บุหรี่
แล้วเดินไปที่ห้องลูกชายไฟในห้องนอนดับแล้ว
เมื่อเปิดประตูเข้าไปเอื้อม มือเปิดไฟในห้อง หนูน้อยนอนตะแคง
หน้าตายังคงลืมจ้องมองมาที่ประตูแก้มที่แนบกับหมอน ชุ่มด้วย น้ำตา
พร้อมเสียงสะอื้นเบาๆอยู่คน เดียว

เขาเดิน ไปนั่งที่ขอบเตียงมือลูบผม ลูกชายเบาๆ พร้อมกับ
เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเครือ จุกคอ

" พ่อขอโทษนะลูก เมื่อกี้ พ่อเหนื่อยมามากเลยใช้อารมณ์ กับลูกมากไปหน่อย
จริงๆตะกี้พ่อไม่ได้ถามลูกด้วยซ้ำว่า ลูกอยากยืม เงินพ่อไปทำไมลูกอาจจะมี
เหตุจำเป็นที่จะ ต้องใช้เงินก็ได้ เงินแม้ว่าจะหาได้ลำบาก
ไม่ได้ได้มา ง่ายๆ แต่ถ้าลูกมีเหตุผลเพียงพอ พ่ออาจจะให้ยืม ก้อ ได้ เพราะว่า ลูก
น่ะสำคัญสำหรับพ่อเหนือ สิ่งอื่นใด และพ่อรักลูกจ้ะ "

" ว่าแต่ ไหน ลูกลองบอกพ่อสิว่า ลูกอยากยืม เงินสองร้อยไปทำ อะไร "

ผู้เป็นพ่อถามลูกชายที่มอง
หน้าพ่อนิ่ง ด้วยน้ำเสียงปราณี เต็มเปี่ยมด้วยความ รัก

ลูกชายตัวน้อย ส่งเสียงสะอื้นจากลำคอ

" พ่อครับ ตั้งแต่แม่ ตาย ผมเห็นพ่อต้องทำงาน
หนักเพื่อหาเงินทุกวัน จนไม่ได้พัก ไม่ได้อยู่กับผม เลย เราแทบ
ไม่มีเวลาได้อยู่ด้วย กัน
ผมเลย ค่อยๆเก็บค่าขนมของผมไว้ ตลอดมาจนถึงตอน
นี้ผมเก็บได้สองร้อยบาทแล้ว แต่พอผมรู้จากพ่อ ว่า
พ่อทำงานได้ ค่าจ้างวันล่ะสี่ร้อยผม จึงอยากยืมพ่อเพิ่มอีกสองร้อย
ให้เป็นสี่ร้อยเพื่อจะได้ใช้เป็นค่าจ้างให้พ่อได้พัก
ได้อยู่กับผม ซักวันนึง ครับ "

เงินทอง อาจจะจำ เป็น ต่อการดำรงชีวิต
แต่ ครอบครัว ยังคงต้องการ ความรัก ความ อบอุ่น และ
เวลาที่มีให้ แก่กัน

" อย่าห่วงงานจนลืม ครอบ ครัว และ คนที่คุณ รัก ''
ผู้แต่งไม่ทราบ ได้มาจาก www.thaireaderclub.com